วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

พระอรหันต์จี้กง เคยอยู่วัน "เจ็งชื้อ"

พระอรหันต์จี้กง เคยอยู่วัน "เจ็งชื้อ" ต่อมา วัดนี้ถูกไฟไหม้ จำเป็นต้องได้รับการปลูกสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งต้องการได้ไม้จากเขา "เงี้ยมเล้ง" ท่านแสดงอิทธปาฏิหาริย์ โดยใช้จีวรกางออกไป ฉับพลันนั้น จีวรก็ปกคลุมเขาเงี้ยมเล้งทั้งหมด ไม้จากภูเขาถูกถอนขึ้นมาหมด แล้วถูกนำลงแม่น้ำ ล่องมาสู่เมืองหางโจวเสร็จแล้วท่านก็มาบอกชาวบ้านว่า ไม้ที่จะใช้ก่อสร้างนั้น บัดนี้อยู่ในบ่อธูป (บ่อธูปนี้ เป็นบ่อที่ขุดขึ้น ใช้สำหรับเทขี้ธูปและก้านธูป) ทั้งพระและชาวบ้าน ต่างไปดูที่บ่อธูป ก็ปรากฏว่าเป็นเช่นนั้นจริง สิ่งที่เล่าต่อ ๆ กันมานี้ ยังมีหลักฐานปรากฏอยู่อีกมากมายพระอรหันต์จี้กง ได้นั่งสมาธิ จนเข้าฌานปลงสังขาร ในรัชสมัยพระจักรพรรดิ์ "เกียเตีย" อัฐิของท่านถูกบรรจุไว้ในเจดีย์ "เสือผ่าน" ก่อนที่ท่านจะปลงสังขาร ท่านได้ให้ปริศนาธรรมไว้ว่า "หกสิบปีมานี่ กำแพงตะวันออกล้มตีกำแพงตะวันตก รวบรวมจนถึงบัดนี้ ก็ยังคงเหมือนเดิม ท้องน้ำก็ยังจดขอบฟ้าเช่นเดิม"

พระอรหันต์จี้กง มีเมตตาจิตไม่ถือสา


สืบเนื่องจาก พระอรหันต์จี้กง มีเมตตาจิตไม่ถือสา การปรากฏตนของท่าน เอาแน่นอนไม่ได้ กิริยาวาจาล้วนเป็นปริศนาธรรม ซึ่งทำให้ธรรมะของท่าน เป็นที่กล่าวขาน จนได้รับการยกย่องว่า เป็นอาจารย์ทางพระกัมมัฏฐาน แม้ว่าท่านละสังขารจากโลกไปแล้วก็ตาม แต่ธรรมะของท่าน ยังมีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์เสมอมา ดังนั้น จึงได้สมัญญาว่า เป็นพระพุทธที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็เนื่องด้วยเหตุฉะนี้ในสมัยกลียุคนี้ มวลชนหลงใหลอยู่ในกิเลส วนเวียนอยู่ในทะเลทุกข์ อรหันต์ใจร้อนรน และ เพื่อจะกอบกู้ชาวโลก อีกวาระหนึ่ง ท่านจึงยอมลงมาประทับทรง ที่สำนักเซี้ยเฮี้ยงตึ้งนี้ โดยเอาวิญญาณคุณหยางเซิง ไปเที่ยวเมืองนรก เปิดเผยความลับของยมโลก เพื่อปลอบเตือนชาวโลก

บทสรรเสริญ...


เริ่มแรกต้องตีหัว เพื่อปลุกตัวตื่นจากหลงยิ้มยื่นดอกไม้ดง ยังคงเป็นปริศนาธรรมชีวิตคือละคร สะท้อนได้เหมือนจริงจังสรรพสิ่งสู่จิตตัง ท่องสวรรค์แลยมบาล*******

ท่านมีอิทธิฤทธิ์กว้างขวาง


ที่ท่านประพฤติเช่นนี้ เพราะว่า ในสมัยนั้น ได้แต่ถือศีลปาก คือ ฉันเจ แต่ไม่รักษาศีลทางใจ เพื่อเป็นการสอนธรรมะ โดยใช้วิธีรุนแรง เหมือนเอาไม้กระบองตีให้เจ็บจนรู้สึก ท่านพยายามทำให้ภิกขุสมัยนั้น ให้ตื่นจากผู้ติดอยู่ในพิธีกรรม ให้มาพิจารณาทางวิปัสสนาธุระท่านมีอิทธิฤทธิ์กว้างขวาง โปรดช่วยมวลมนุษย์มากมาย โดยอาศัยวิธีการต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ชาวบ้านพ้นภัย ช่วยกอบกู้พวกที่ดูภายนอกเหมือนผู้มีบุญ แต่ใจบาป กลั่นแกล้งจนคนเหล่านั้นรู้สึกสำนึกตัว ต่อกับผู้ที่โหดร้ายทารุณ จะถูกตอบโต้จนไม่สามารถจะอยู่ต่อไปได้ ทำให้ประชาชนอยู่อย่างสงบสุข ดังนั้น ทุกผู้ทุกนาม จึงสรรเสริญว่าเป็น พระศักดิ์สิทธิ์ เหมือนพระพุทธ ที่ยังมีชีวิต ซึ่งไม่ใช่สิ่งธรรมดาสามัญ แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจริง ๆพระอรหันต์จี้กง เคยอยู่วัน "เจ็งชื้อ" ต่อมา วัดนี้ถูกไฟไหม้ จำเป็นต้องได้รับการปลูกสร้างขึ้นใหม่ ซึ่งต้องการได้ไม้จากเขา "เงี้ยมเล้ง" ท่านแสดงอิทธปาฏิหาริย์ โดยใช้จีวรกางออกไป ฉับพลันนั้น จีวรก็ปกคลุมเขาเงี้ยมเล้งทั้งหมด ไม้จากภูเขาถูกถอนขึ้นมาหมด แล้วถูกนำลงแม่น้ำ ล่องมาสู่เมืองหางโจว

จี้กงคือใคร

ประวัติ พระอรหันต์ จี้กงพระนามเดิมของท่าน คือ ซิวอ้วง แซ่ลี้ เป็นชาวเมืองเทียนไถ เกิดในสมัยราชวงศ์ซ้อง ท่านได้บวชอยู่ที่วัดเล่งอุ้ง ตำบลไซโอ้ว เมืองหางโจว ประเทศจีน และ ใช้พระนามทางศาสนาว่า เต้าจี้ ท่านโปรดสัตว์โลกโดยวิธีพิสดาร จนชาวบ้านขนานพระนามว่า "พระสติเฟื่อง" (จี้เตียง) ท่านเป็นองค์อวตารของพระอรหันต์ ได้บรรลุธรรมสามประการ ที่สำคัญได้แก่ "สรรพสิ่งเกิดจากจิต" ท่านยึดมั่นแต่ พุทธจิต ไม่คำนึงถึงเครื่องทรงภายนอก ดั่งคำกล่าวว่า "รักษาศีลทางจิต ไม่ถือศีลทางปาก ปฏิบัติตนตามสบาย"(หมายความว่า พระภิกษุในประเทศจีน ต้องฉันเจ ไม่ฉันเนื้อสัตว์ ท่านไม่เคร่งครัดกับการฉันอาหาร สุดแท้แต่โอกาส)